ซาดิโอ มาเน่ นักสู้ผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้

ฤดูกาลนี้ ซาดิโอ มาเน่ ทำประตูให้ลิเวอร์พูลไปแล้ว 10 ลูก กับอีก 5 แอสซิสต์ จาก 16 เกม นับเป็นฟอร์มอันร้อนแรงต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่เขาสามารถคว้ารางวัลรองเท้าทองคำจากการยิงประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก 22 ประตู ร่วมกับโมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพื่อนร่วมทีมหงส์แดง และปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ดาวยิงจากซุ้มปืนใหญ่ ช่วยให้ลิเวอร์พูลครองตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ แถมยังทิ้งห่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งแย่งแชมป์ทีมสำคัญถึง 6 คะแนน แต่ก่อนที่มาเน่จะกลายมาเป็นสุดยอดดาวยิงอย่างทุกวันนี้ ปีกทีมชาติเซเนกัลต้องเผชิญความยากลำบากและต่อสู้อย่างหนักมาตั้งแต่วัยเด็ก

มาเน่เกิดในครอบครัวที่ยากจน ต้องอดมื้อกินมื้อและไม่มีแม้แต่เงินจะเรียนหนังสือ ชีวิตในวัยเด็กของเขาจึงมีแต่การเล่นฟุตบอลข้างถนนเพียงอย่างเดียว จนกระทั้งในปี 2002 ทีมชาติเซเนกัลได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในศึกฟุตบอลโลก และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจและเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง โดยมีเอล-ฮัดจิ ดิยุฟ เป็นนักเตะไอดอล เขาจึงผูกพันกับพรีเมียร์ลีกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มาเน่ได้รับเงินสนับสนุนจากลุงและคนในชุมชนเพื่อเดินทางเข้าร่วมการทดสอบฝีเท้ากับทีมอคาเดมี่ชื่อดังของประเทศ แม้จะมีเพียงเสื้อผ้าเก่า ๆ และรองเท้าขาด ๆ แต่เมื่อลงสนามเขาก็แสดงความสามารถให้ทุกคนได้ประจักษ์จนถูกเลือกเข้าสู่ทีม มาเน่ลงเล่นให้ทีมเจเนเรชั่น ฟุตไปกว่า 90 นัด ยิงไปถึง 131 ประตู จนฟอร์มไปเข้าตาแมวมองชาวฝรั่งเศส และพาเด็กหนุ่มชาวเซเนกัลในวัย 19 ปีข้ามทวีปมาเริ่มต้นอาชีพนักเตะอย่างเป็นทางการกับเม็ตซ์ ในลีกเอิง นับเป็นจุดเริ่มต้นเดียวกับนักเตะชื่อดังของพรีเมียร์ลีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นหลุยส์ ซาฮา, โรแบร์ ปิแรส และเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ จนปีต่อมาเขาก็ย้ายไปร่วมทีมเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในลีกออสเตรีย ก่อนจะย้ายมาโลดแล่นในเวทีพรีเมียร์ลีกอย่างที่เคยฝันเอาไว้กับเซาแธมป์ตัน และลิเวอร์พูลในปัจจุบัน

นอกจากจะเป็นคนสู้ชีวิตนอกสนามแล้ว ในสนามมาเน่ยังเป็นนักเตะประเภทสู้ไม่ถอยจนนาทีสุดท้ายอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัดล่าสุดในพรีเมียร์ลีกกับแอสตัน วิลล่า มาเน่เป็นคนโหม่งประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 ช่วยให้ลิเวอร์พูลเก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ นับเป็นครั้งที่ 3 ในปี 2019 ที่เขาสามารถทำประตูได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มากกว่านักเตะทุกคนที่เล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก

แม้จะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทั้งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับลิเวอร์พูล และพาทีมชาติเซเนกัลเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึกแอฟริกาคัพ ออฟ เนชั่นส์ แต่มาเน่กลับไม่ได้รับรางวัลส่วนตัวรายการใดเลย ไม่มีชื่อเป็นสามคนสุดท้ายที่ลุ้นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า รวมทั้งไม่มีชื่อติดทีมยอมเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าอีกด้วย แต่นั้นก็ไม่ทำให้มาเน่ละทิ้งความพยายาม โดยมองว่าการพลาดรางวัลต่าง ๆ กลับทำให้เขาต้องยิ่งทุ่มเทพัฒนาฝีเท้าตัวเองให้มากกว่าเดิม

เดรดิตภาพ: https://premierleague-static-files.s3.amazonaws.com/premierleague/photo/2019/02/15/2889b035-c456-43fd-8571-44260ec15e88/mane-2.jpg