“แทมมี่ อับราฮัม” ผู้ล้างอาถรรพ์หมายเลข 9 ของเครื่องแบบเชลซี

ตำแหน่งหมายเลข 9 ในวงการฟุตบอลจะหมายถึงศูนย์หน้าตัวเป้าประจำทีม จนเมื่อฟุตบอลก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจจึงได้มีการกำหนดหมายเลขเสื้อประจำตัวให้นักเตะแต่ละคน ซึ่งเสื้อหมายเลข 9 ก็ยังถูกสงวนไว้ให้กับผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าอยู่ เราจึงมักเห็นเจ้าของเสื้อหมายเลข 9 เป็นดาวซัลโวประจำทีมกันเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็มักจะเป็นนักเตะคนสำคัญประจำทีมเสมอ ยกเว้นทีมเชลซี ยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน ที่ต้องประสบอาถรรพ์หมายเลข 9 มานานหลายสิบปี

นับตั้งแต่จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ เจ้าของเสื้อหมายเลข 9 ยุคมิลเลนเนียล ได้โบกมืออำลาจากเชลซีไปเมื่อปี 2004 ซึ่งเขาถือเป็นศูนย์หน้าที่ทำประตูได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการยิงไกล ฟรีคิก รวมไปถึงการโหม่ง หลังจากนั้นเป็นต้นมาไม่ว่าใครจะเลือกใส่เครื่องแบบหมายเลข 9 ก็มักจะประสบความล้มเหลวในถิ่นเดอะ บริดจ์ทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ “มาเตย่า เคซมัน” ดาวซัลโวสูงสุดของลีกดัตช์ 2 สมัยซ้อน ที่ทำได้เพียง 7 ประตู จากการลงสนาม 41 นัด จนถูกขายทอดตลาดในปีถัดมา ตามมาด้วย “เฮอร์นัน เครสโป” ที่กลับมาจากการยืมตัวไปเล่นให้กับอินเตอร์ มิลาน ก็เลือกใช้เบอร์อาถรรพ์ที่ว่างอยู่ทันที โดยยิงประตูได้เพียง 13 ประตู จาก 42 นัด ทำให้เขาถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้งจนกระทั้งหมดสัญญา หลังจากนั้นก็เป็นนักเตะในตำแหน่งอื่นที่หยิบเอาเลขต้องคำสาปไปใช้ต่อ ได้แก่ “คาลิด บูลาห์รูซ” กองหลังชาวดัตช์ และ “สตีฟ ซิดเวลล์” มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ซึ่งทั้งคู่ได้สวมเครื่องแบบสิงโตน้ำเงินครามแค่เพียงปีเดียวก็ต้องระเห็จออกจากทีมไป ก่อนที่บอร์ 9 จะกลับไปสู่ตำแหน่งกองหน้าอีกครั้งโดย “ฟรังโก้ ดิ ซานโต้” ดาวรุ่งชาวอาร์เจนติน่ารับไปครอบครอง แต่เจ้าของฉายานิวมาราโดน่ากลับทำไม่ได้สักประตูตลอดระยะเวลาปีครึ่ง จนถูกปล่อยยืมตัวและโดนจำหน่ายออกจากทีมไปในที่สุด

ในทศวรรษถัดมาคำสาปหมายเลข 9 ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อศูนย์หน้าชื่อดังหลายคนทยอยกันเอาชื่อมาทิ้งที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ “เฟร์นันโด ตอร์เรส” ศูนย์หน้าจอมถล่มประตูของลิเวอร์พูลที่ต้องทุ่มเงินด้วยสถิติค่าตัวแพงที่สุดบนเกาะอังกฤษเพื่อแลกมา แต่ตลอด 3 ฤดูกาลครึ่งดาวยิงทีมชาติสเปนกลับทำได้เพียง 45 ประตู จาก 172 นัด แถมยังมีสถิติยิงประตูไม่ได้ 24 นัดติดต่อกันอีกด้วย เหมือนเขาจะลืมคู่มือการสังหารประตูไว้ที่แอนฟิลด์เสียอย่างนั้น ต่อจากนั้นก็เป็น “ราดาเมล ฟัลเกา” ศูนย์หน้าทีมชาติโคลัมเบีย เจ้าของฉายาเอลติเกร ซึ่งแปลว่าเสือโคร่งที่กลายเป็นเสือสิ้นลายในถ้ำสิงห์ เมื่อยิงได้เพียง 1 ประตู จาก 12 นัดทุกรายการ ตามติดมาด้วย “อัลบาโร่ โมราต้า” ที่ฟอร์มร้อนแรงในช่วงเริ่มต้น ยิงไปถึง 8 ประตูจาก 11 นัดแรก แต่หลังจากนั้นก็ยิงได้เพียงกะปริดกะปรอย รวมเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น 24 ประตู จาก 72 เกม จนต้องขอย้ายไปสวมหมายเลข 29 แทน ซึ่งก็ไม่อาจช่วยแก้ชงได้และถูกปล่อยยืมออกจากทีมไปอีกคน จนกระทั้ง “กอนซาโล่ อิกวาอิน” ถูกยืมตัวมาแก้วิกฤตการจบสกอร์ของทีมในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2017-18 แต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้มากนักเมื่อทำไปได้เพียง 5 ประตู และถูกส่งกลับต้นสังกัดไปเมื่อฤดูกาลสิ้นสุดลง

แต่ตอนนี้เหมือนคำสาปหมายเลข 9 จะถูกล้างอาถรรพ์ไปเรียบร้อยแล้วด้วยนักเตะวัย 21 ปีอย่าง “แทมมี่ อับราฮัม” ศูนย์หน้าที่ก้าวขึ้นมาจากทีมเยาวชนของเชลซีเอง หลังจากออกไปเก็บประสบการณ์ด้วยสัญญายืมตัวมาหลายปี กองหน้าชาวอังกฤษก็ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เต็มตัวในฤดูกาลนี้ โดยยิงไปแล้ว 10 ประตู จาก 16 นัดทุกรายการ แถมยังเป็นนักเตะอายุน้อยสุดของเชลซีที่สามารถทำแฮตทริกได้ในศึกพรีเมียร์ลีก ด้วยสถิติ 21 ปี กับอีก 347 วัน นอกจากนั้นยังเป็นนักเตะอายุต่ำกว่า 22 ปีคนแรกของเชลซีที่สามารถยิงประตูได้ 3 นัดติดต่อกัน ทั้งที่ก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นเขายังถูกมองว่าเป็นแค่นักเตะระดับแชมเปี้ยนชิพเท่านั้น

ก่อนเริ่มฤดูกาล แฟรงค์ แลมพาร์ดได้ตัดสินใจมอบหมายเลข 9 ให้กับเขา แม้จะรู้ถึงอาถรรพ์ของหมายเลขนี้ดี แต่อับราฮัมก็เลือกที่จะรับมันไว้อย่างไม่ลังเลและลงสนามด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ จนกระทั้งสามารถยิงประตูล้างคำสาปได้ในที่สุด นับเป็นกลับมาอีกครั้งของนักเตะจอมถล่มประตูหมายเลข 9 ของเชลซีในรอบเกือบ 20 ปีเลยทีเดียว แม้แต่จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ ยังออกปากชมพร้อมกับฟันธงว่าศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษจะผลิตสกอร์ในฤดูกาลนี้ได้มากกว่า 20 ประตูอย่างแน่นอน

เดรดิตภาพ: https://media.squawka.com/images/en/2019/08/31171337/tammy-abraham-chelsea-sheffield-united-2019-940×530.jpg