Tag Archives: ความสุข

มองลึก นึกไกล ใจกว้าง เขียนโดย ว. วชิรเมธี

หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่เปิดมุมมองของธรรมะอีกรูปแบบหนึ่ง โดยผู้เขียน ว. วชิรเมธี เป็นนามปากกาของ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ซึ่งในเล่มนี้ท่านได้พูดถึง หลักการใหญ่ ๆ คือการมองลึก นึกไกล ใจกว้าง ตามชื่อหนังสือ ได้ให้แง่คิดทางธรรมะที่เท่าทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน มีการนำประสบการณ์ส่วนตัวมาเล่าประกอบเพื่อสะท้อนแง่คิดต่าง ๆ และยังมีการนำเรื่องเล่าสมัยอดีตมายกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้น หากใครที่ไม่เคยอ่านหนังสือธรรมะมาก่อน หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะนอกจากผู้เขียนจะอธิบายเรื่องหลักธรรมให้เข้าใจได้ง่ายแล้ว ยังมีภาพประกอบระหว่างบทให้รู้สึกเพลิดเพลินกับธรรมะมากยิ่งขึ้นด้วย

การมองลึก คือการที่เราไม่ตัดสินใครหรือสิ่งใดเพียงผิวเผินหรือฉาบฉวย เพราะบางครั้งสิ่งที่เราเห็นอาจจะเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของความจริงทั้งหมดก็ได้ คนส่วนใหญ่รีบด่วนตัดสินต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยไม่ตรวจสอบที่มาที่ไป เหตุและผลให้ดีเสียก่อน จึงไม่แปลกเลยที่ทุกวันนี้เราจะเห็นการเผยแพร่ข่าวที่บิดเบือน หรือข่าวที่ไม่เป็นความจริงเต็มไปหมด แล้วคนก็หลงเชื่อโดยง่ายไม่ศึกษาให้ดีก่อน ยิ่งเห็นได้ชัดในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ลูกโซ่การรักษาโลกแบบผิด ๆ สุดท้ายเกิดผลเสียต่อทั้งตนเองและต่อผู้อื่น การมองลึกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนพึงมี

การนึกไกล คือการนึกถึงผู้อื่นเสมอ ไม่ใช่การนึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเอง การแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง คิดแค่ว่าตนเองจะได้อะไร แต่ไม่ได้คิดว่าที่มาของผลประโยชน์ของเราไปเบียดเบียนคนอื่นหรือเปล่า หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการเห็นแก่ตัว หากสังคมในปัจจุบันมีแต่คนนึกถึงแต่ตนเอง สังคมคงวุ่นวายน่าดู หากคนคำนึงแต่สิทธิตนเอง ไม่เคารพสิทธิของคนอื่น สังคมนั้นจะถือเป็นสังคมที่เจริญได้อย่างไร

ใจกว้าง คือความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่แบ่งเชื้อชาติศาสนา ไม่เหยียดสีเหยียดเพศ จะเห็นได้ว่าสังคมโลกปัจจุบัน ผู้คนต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เหยียดทุกความต่างของผู้อื่น ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย การทำร้ายร่างกาย การเข่นฆ่ากัน ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็เป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกัน หากเรามีความใจกว้าง ปราศจากอคติในใจ เราจะสามารถอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างมีความสุข

ทั้ง 3 อย่างนี้ หากมนุษย์ทุกคนมีอยู่ในใจโลกของเราคงสงบสุขมากยิ่งขึ้น แม้ตอนนี้มันจะยังไม่ใกล้เคียงเท่าไหร่ แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนหลายกลุ่มที่พยายามรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ อาจจะเป็นก้าวเล็ก ๆ แต่ถ้าเราทำอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ สุดท้ายผลดีก็จะตกอยู่ที่ตัวเราเอง จิตใจของเราก็จะสงบและมีความสุข ธรรมะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ หากคุณเปิดใจสักนิดจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลตัวและธรรมะแฝงอยู่ในทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต หากคุณลองอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว การมองลึก นึกไกล ใจกว้าง จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่ เขียนโดย Ken Mogi แปลโดย วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ

ในโลกปัจจุบันที่ชีวิตการทำงานแสนน่าเบื่อ ปัญหาการจราจรที่แสนจะติดขัด ใน 1 วันที่กว่าคุณจะตื่นขึ้นมาได้นั้น ต้องผ่านการกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกไปกี่รอบ อาหารเช้าที่ว่าจำเป็นและสำคัญถูกตัดทิ้งไปด้วยความรีบร้อน การออกกำลังกายที่คุณเคยวางแผนไว้กลับล่มไม่เป็นท่าเมื่อคุณต้องเลิกงานดึก กว่าจะเช็คข้อมูลบนโซเชียลเวลาก็ล่วงเลยไปเที่ยงคืนแล้ว ชีวิตต้องวนลูปแบบนี้ไปทุกวัน รอวันสิ้นเดือนที่จะนำเงินมาใช้จ่ายก้อนใหญ่ หลายคนถามตัวเองว่า เราต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ แล้วเมื่อไหร่คุณจะมีความสุขเสียที หนังสือเล่มนี้มีคำตอบให้คุณ

                อิคิไก เขียนโดยอาจารย์ เคน โมงิ  นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองชื่อดังของญี่ปุ่น ที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านวิถีชีวิต วัฒนธรรม การดำรงชีวิตของคนญี่ปุ่น อิคิไก หมายถึงความสุขและการดำเนินชีวิต ประกอบด้วยคำญี่ปุ่น 2 คำ คือ อิคิ แปลว่า มีชีวิต และ ไก แปลว่า เหตุผล ผู้เขียนได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่มีกลิ่นอายของญี่ปุ่นได้อย่างเข้มข้นและละเอียดถี่ถ้วน นอกจากนี้จะได้เห็นมุมมองของคนญี่ปุ่นที่มีความพิถีพิถันและให้ความสำคัญต่อสิ่งเล็ก ๆ เสมอ และจะได้เห็นว่าแต่ละอาชีพล้วนมีศาสตร์และศิลป์ที่จะต้องเรียนรู้เช่นกัน

                ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างผู้คนหลากหลายอาชีพที่มี อิคิไกในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านซูชิ ที่มีความสุขกับการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ กรรมวิถีต่างๆที่จะทำให้เขาสามารถได้วัตถุดิบที่สดใหม่ตลอดเวลา หรือพ่อค้าขายปลาทูน่าที่ตื่นแต่เช้าเพื่อไปยังตลาดปลาค้นหาปลาที่สดใหม่อยู่เสมอซึ่งหายากมาก และถ้ารอเวลาเขาอาจจะพลาดปลาทูน่าที่ดีที่สุดไป ทำให้เขามีความกระตือรือร้นที่จะตื่นเช้า นี่ก็เป็นอิคิไกอีกรูปแบบหนึ่ง

                อิคิไกจะให้ความสำคัญกับการตื่นเช้า การไม่มองข้ามสิ่งเล็กน้อย และการรู้จักพัฒนาตนเองอยู่เสมอ การมีความสุขกับเรื่องธรรมดา ๆ มองเห็นคุณค่าในอาชีพ และสิ่งที่ตนเองมี ผู้เขียนยังได้ยกผลการเก็บสถิติผู้ที่ยึดหลักการอิคิไก กับผู้ที่ไม่ได้มีอิคิไกว่า ผู้ที่มีอิคิไกนั้น มีค่าเฉลี่ยอายุที่ยืนยาวกว่า มีความสุขในชีวิตมากกว่า และยังได้มีการเปรียบโอกาสในการเกิดโรคต่างๆ อีกด้วย

                สุดท้าย หัวใจหลักของ อิคิไก นั้น คือการที่เรารู้จักมองเห็นคุณค่าของตัวเราเอง การยอมรับตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ใส่ใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว คนที่จะมีอิคิไกได้ ไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จที่สุด รวยที่สุด หรือเก่งที่สุด อิคิไกไม่มีข้อกำจัดหรือขอบเขต เราทุกคนสามารถมีอิคิไกได้ ไม่ต้องทำสิ่งยิ่งใหญ่ แค่คุณมีสิ่งเล็ก ๆ ภายในใจ ที่ทำให้คุณกระตือรือร้นที่ใช้ชีวิต และมีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว หากคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ การตื่นเช้าของคุณคงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะแค่ตื่นเช้าชีวิตของคุณก็จะได้มีพลังและมีเวลาในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆอีกมากมาย หาอิคิไกของคุณจากหนังสือเล่มนี้ดู บางทีมันอาจจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมก็ได้

ขุนเขาเกาสมอง เขียนโดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร

ถ้าหากคุณเป็นแฟนตัวยงของหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ การพัฒนาชีวิต และหนังสือทางด้านจิตวิทยาแล้วล่ะก็ น่าจะเคยได้ยินชื่อของ ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร มาบ้าง แม้กระทั่งตามร้านหนังสือชั้นนำ หนังสือของเขาก็ยังคงได้ Best Seller อยู่บ่อยครั้งเลยทีเดียว และเล่มนี้ก็เช่นกัน แต่ถ้าหากคุณไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้มาก่อน หนังสือเล่มนี้ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะได้ทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้ ที่นำเสมอเรื่องราวอันซับซ้อนของสมองของคนเรา สอดแทรกไปกับหลักจิตวิทยา วิทยาศาสตร์และหลักทางพุทธศาสนาได้อย่างกลมกล่อมและกลมกลืน

                เราทุกคนรู้จัก “สมอง” แน่ล่ะ สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก ๆ ของมนุษย์ สมองทำให้เรามีพัฒนาการมากกว่าสัตว์อื่น มีความรู้สึกนึกคิด มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ สามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ และยังทำให้คิดประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนโลกได้เลยทีเดียว แต่น่าแปลกไหมล่ะ ในเมื่อสมองมีความสำคัญและดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่เคยเข้าใจมัน และน้อยคนนักที่จะมานั่งทำความรู้จักกับสมองจริง ๆ หนังสือเล่มนี้นี่เอง ที่จะไขข้อสงสัยหรือทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ที่คุณมองข้ามมันไป คุณจะรู้ว่าสมองของเรามีผลต่อชีวิตมากแค่ไหน และจริง ๆ แล้วความสุขที่ทุกคนตามหามันอยู่ไม่ไกลเลย

“ความสุขอยู่ที่สมองของคุณ”

                คนเรามักจะเอาความสุขไปผูกติดไว้กับสิ่งของหรือความสัมพันธ์ และมักจะคิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เรามีความสุข แต่เคยสงสัยไหมว่า สิ่งของบางอย่าง หรือความสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ เมื่อได้มาแล้วกลับไม่มีความสุขแบบที่คิดไว้ หรือบางคนซื้อหวยทุกเดือนและเฝ้าบอกตัวเองว่าถ้าถูกหวยรางวัลที่ 1 เขาคงจะได้มีความสุขเสียที แต่ว่าเราต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ ใช้เวลานานแค่ไหน จริง ๆ แล้วไม่ต้องรอให้ถูกหวยรางวัลที่ 1 เราก็มีความสุขได้ เพียงแค่เราเข้าใจสมองและกลไกทางความรู้สึกของเราให้ดีเท่านั้น

ความสุขทั้งหมดสมองของคนเราเป็นคนปรุงแต่งและสร้างมันขึ้นมาเอง เราสร้างเงื่อนไขให้กับความสุข ตามสิ่งแวดล้อม ค่านิยม ธรรมเนียมปฏิบัติ วัฒนธรรม และยังคงยึดติดกับสิ่งที่เราคิดว่ามันจะทำให้เรามีความสุข และเมื่อยึดติดมาก ๆ สุดท้ายมันกลายเป็นความทุกข์แทน ทุกข์มากขึ้นเมื่อผู้คนไม่ยอมรับไม่ยอมทำความเข้าใจกับความทุกข์นั้น หนังสือเล่มนี้จะชี้ให้เห็นว่า ความทุกข์เป็นเรื่องปกติที่ติดตัวมนุษย์ทุกคน ไม่มีมนุษย์คนไหนไม่ทุกข์ เพียงแค่เรารู้เท่าทันอารมณ์ รู้เท่าทันสมองของเราและจัดการมันอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยให้ทุกข์นั้นสั้นลงและมีความสุขได้ง่ายและยาวนานขึ้น

ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้เขียนได้อธิบายส่วนประกอบของสมองทางด้านความรู้สึกไว้อย่างชัดเจน และยังนำมาเปรียบเปรยกับหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาไว้ด้วย เรียกได้ว่า ใช้ทั้งหลักวิทยาศาสตร์และหลักความเชื่อผสมผสานกันอย่างดี ภายในหนังสือจะมีการทดสอบทางจิตวิทยาเล็ก ๆ ขั้นระหว่างบททุกบท เพิ่มความน่าสนใจและความสนุกให้หนังสือมากขึ้น หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ นอกจากคุณจะเข้าใจสมองและกลไกทางความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นแล้ว แน่นอน สิ่งสำคัญของหนังสือเล่มนี้ ความสุขในชีวิตของคุณก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

เปิดประตูสู่ “ฮุกกะ” กับหนังสือแห่งความสุข “ฮุกกะ ปรัชญาความสุขฉบับเดนมาร์ก”

จากรายงานความสุขโลก (World Happiness Report) ขององค์การสหประชาชาติ ได้เปิดเผยว่าเดนมาร์กยังคงเป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขในระดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งหลายคนคงอาจสงสัยว่า ทำไมชาวเดนมาร์กจึงมีความสุขที่สุดในโลก ทั้ง ๆ ที่โลกยุคปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยการแข่งขัน และความเร่งรีบ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเคร่งเครียดตามมา และแน่นอนว่ากระแสโลกาภิวัตน์ และการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกดังกล่าวนั้นก็ได้เข้ามาสู่เดนมาร์กเช่นกัน แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วชาวเดนมาร์กนั้นมี “ฮุกกะ” เป็นปรัชญาแห่งความสุข และหนังสือเล่มนี้เองที่จะพาคุณไขปริศนาความลับแห่งความสุขแบบฮุกกะเพื่อให้เราเข้าถึงความสุขได้อย่างชาวเดนมาร์ก

“ฮุกกะ” คืออะไร

ฮุกกะ (Hygge) เป็นคำในภาษานอร์เวย์ แปลว่า การอยู่ดีมีสุข หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ศิลปะในการสร้างความใกล้ชิด ความผูกพัน ความรู้สึกผ่อนคลายที่อยู่ในจิตวิญญาณ การรู้จักหาความสุขจากสิ่งรอบตัว จึงเรียกรวม ๆ กันว่า ความสุข ซึ่งหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนคือ Meik Wiking ผู้เชี่ยวชาญด้านความสุขแห่งเดนมาร์ค โดยมีเนื้อหาที่อ่านง่าย มีภาพประกอบแบบอาร์ต ๆ ดูแล้วชวนให้ผ่อนคลาย และคุณจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศของความเป็นฮุกกะที่แฝงอยู่ในทุกตัวอักษรในเล่ม และทำความรู้จักกับวิถีชีวิตแบบฮุกกะขนานแท้ของชาวเดนมาร์ก ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันไปจนถึงเรื่องสำคัญในการดำรงอยู่ของชีวิต

มีอะไรในเล่ม “ฮุกกะ”

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าเรื่องราวความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่าความสุข ที่หลายคนโหยหา และวิ่งตามไขว่คว้าเพื่อให้ได้มา แต่หนังสือเล่มนี้จะให้คำตอบคุณเกี่ยวกับปรัชญาความสุขที่เรียกว่า “ฮุกกะ” ของชาวเดนมาร์ก ว่า จริง ๆ แล้วความสุขอยู่ในทุก ๆ ที่ ทุก ๆ ลมหายใจ ทุก ๆ ก้าวของชีวิต เริ่มตั้งแต่การบรรยากาศ การจุดเทียน หรือ หรี่ไฟ ซึ่งในเล่มได้กล่าวย้ำเรื่องของแสงจากเปลวเทียน หรือโคมไฟและแสงตอนพระอาทิตย์กำลังตกดิน ความใส่ใจกับคนรอบข้าง ความสุขกับอาหารอย่างกาแฟ ช็อคโกแลต ลูกกวาด เค้ก ขนมหวาน ความเท่าเทียมและการแบ่งปัน ดื่มด่ำกับความซาบซึ้งใจ ปรองดอง ไร้การแข่งขัน ทำตัวให้สบาย ผ่อนคลาย เป็นตัวของตัวเอง ไม่พูดคุยเรื่องดราม่าหรือเรื่องเคร่งเครียด การพูดคุยถึงความทรงจำที่ดี ๆ ที่เคยทำร่วมกันและให้ความสำคัญกับความผูกพัน นอกจากที่กล่าวมานี้หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณได้เข้าใจถึงรสชาติของความสุขที่คุณสามารถลิ้มลองมันได้ไม่จำกัด

ค่อย ๆ เปิดหนังสือเล่มนี้เพื่อเปิดประตูสู่ “ฮุกกะ”

                การอ่านหนังสือดี ๆ ซักเล่มที่เราชอบก็ถือเป็นการเริ่มต้นสร้างความสุขของคุณได้ ยิ่งถ้าเป็นหนังสือที่จะเปิดประตูสู่ “ฮุกกะ” ปรัชญาความสุขที่ซุกซ่อนความสุขและความพึงพอใจเอาไว้ในทุก ๆ ตัวอักษร ยิ่งจะช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำและสัมผัสกับความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามไป เพราะชีวิตที่มีความสุขอาจไม่ใช่ชีวิตที่ร่ำรวย มีเงินซื้อสิ่งที่เราต้องการ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเราคงทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาซื้อความสุขที่เราต้องการไม่มีวันหมดสิ้น และเมื่อถึงวันนั้นคุณอาจถามตัวเองว่า ความสุขคืออะไร ทั้ง ๆ ที่คุณได้หลงลืม มองข้ามหรือโยนมันทิ้งไปแล้ว คุณจึงไม่ควรพลาดหรือละเลยความสุขที่มีอยู่รอบตัว เพียงแค่ต้องพอใจกับมันและคุณสามารถพบมันได้ โดยเริ่มจากการเปิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน เพื่อเปิดประตูสู่ความสุขแบบฮุกกะที่คุณอ่านแล้วไม่อยากวางมันลง