Tag Archives: ปรัชญา

“ติสตู นักปลูกต้นไม้” : วรรณกรรมสร้างสรรค์ที่เด็กไทยควรอ่าน

                มีคนเคยบอกว่างานเขียนหรือวรรณกรรมนั้นมีพลัง โดยนักเขียนเป็นผู้ใช้ปากกาสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้งดงาม ด้วยคำกล่าวนี้ทำให้นึกถึงงานเขียนของ โมรีส ดรูอง อย่างเรื่อง ติสตู นักปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นหนังสือที่ผู้คนกล่าวขานกันทั่วโลก หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1968 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนังสือประกอบการเรียนของนักเรียนชาวฝรั่งเศสมากกว่ายี่สิบปี จนมีการนำมาแปลเป็นภาษาไทยเมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยอำภา โอตระกูล และดูเหมือนว่าหนังสือที่ดูแสนธรรมดาจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะได้พบกับความมหัศจรรย์ทางความคิด

การเล่าเรื่องง่าย ๆ แต่แฝงไว้ด้วยปรัชญา

                หนังสือเรื่อง ติสตู นักปลูกต้นไม้ เป็นวรรณกรรมที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กและเยาวชนที่กำลังจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ ด้วยความพิเศษของเนื้อหาที่ผู้เขียนสร้างสรรค์ขึ้น ผ่านการเล่าเรื่องอย่างง่ายแบบนิทานแต่แฝงปรัชญาไว้ในทุก ๆ ตัวอักษร โดยในเรื่องเล่าถึง ติสตู ซึ่งเป็นตัวแทนของความดีงาม ความเจริญงอกงามทางปัญหาและจิตวิญญาณของมนุษย์ เพื่อกระตุ้นเตือน หรือต้องการสื่อให้เด็ก ๆ เยาวชนได้รู้ว่า ในตัวของทุกคนล้วนมีสิ่งมหัศจรรย์ที่จะสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้ดีขึ้น และสิ่งดีงามเหล่านั้นก็ซุกซ่อนอยู่ในตัวของทุกคน เพียงแค่เราต้องหามันให้เจอ

“ติสตู นักปลูกต้นไม้” : วรรณกรรมที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์คนรุ่นใหม่ ให้เจริญงอกงาม

                การปลูกฝังเด็ก ๆ และเยาวชนนั้นต้องอาศัยการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์เพื่อให้พร้อมกับการเติบโตและเจริญงอกงาม เช่นเดียวกับเจตนารมณ์ของวรรณกรรมเล่มนี้ ที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอมุมมองความคิดผ่านตัวละครติสตู ผู้มีพรสวรรค์ มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่ยอมให้ผู้ใหญ่มาตีกรอบความเป็นไปในโลกใบนี้โดยใช้ชุดความคิดแบบสำเร็จรูป แต่เขาเลือกที่จะใช้พรสวรรค์และความชอบที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเขา ทำในสิ่งที่ดีงามและสร้างสรรค์ เช่นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ การปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่าเราไม่ควรแก้ปัญหาด้วยวิธีที่รุนแรง แต่ควรเป็นวิธีที่อ่อนโยน เมตตาและสร้างสรรค์ และด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าหากเรายังศรัทธาในความดี ความดีก็จะยังคงอยู่ และรอคอยวันที่เบ่งบาน ดังคำกล่าวที่แฝงด้วยปรัชญาในเรื่องที่ทำให้ผู้อ่านฉุกคิด เช่น “… มีเมล็ดพันธุ์อยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ใช่เพียงในดินเท่านั้น แต่มันมีอยู่บนหลังคาบ้านเอย บนขอบหน้าต่างเอย บนทางเดิน บนรั้วไม้ บนกำแพง เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นมีเป็นเรือนแสนเรือนล้าน ที่ไม่ได้ใช้ทำอะไรเลย มันอยู่ที่นั่นรอให้ลมพัดผ่านมาเพื่อพาไปยังทุ่งหรือไปสู่สวน มีอยู่บ่อยครั้งที่เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นแห้งค้างอยู่ในซอกหินโดยไม่อาจกลายเป็นดอกไม้ได้ แต่หากนิ้วหัวแม่มือสีเขียวได้สัมผัสเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เมล็ดเดียว ไม่ว่ามันจะอยู่ในที่ใดก็ตาม ดอกไม้จะงอกขึ้นในทันทีทันใด…”